Friday, March 2, 2012

สักวันใจ...จะโบยบิน

ฉันโบยบินไม่ได้อีกด้วยเพราะกลัว

จะเจ็บตัวอีกครั้งเช่นคราก่อน

แม้หลบอยู่ใต้เงาไม้ไม่เปียกปอน

แต่ยังนอนหนาวกายไร้คนดูแล

หวังทุกครั้งหลังจากตื่นจากคืนนี้

ใจกายที่เจ็บปวดหายจากบาดแผล

แต่ตื่นมาทุกครั้งยังอ่อนแอ

ไม่กล้าแม้จะกางปีกเพื่อบินไป

มองตัวเองทุกครั้งหลังจากตื่น

ผิดหวังคนไห้สะอื้นไม่เอาไหน

หลบตาไม่กล้าเผชิญกับสิ่งใหม่

แล้วเมื่อไหร่ใจจะได้โบยปีกบิน.



by
Panachit Kittipanya-ngam on Thursday, March 1, 2012 at 10:50pm

เสียงคำรามของความเงียบ

เคยได้ยินไหม…เสียงคำรามของความเงียบ

มันบาดหู มันเย็นเฉียบ มันบาดเฉือน

ให้แสบหู ให้ปวดใจ กายกระเทือน

สาดอารมณ์ให้แปดเปื้อนด้วยจินตนาการ

นั่งคนเดียวในห้องกว้างที่ว่างเปล่า

เงียบและเหงาราวป่าช้าแห่งสังสาร

ในสมองมีแต่เรื่องราววันวานภ

าพที่ผ่านความเจ็บช้ำซ้ำซ้ำมา

กำแพงห้องคล้ายเป็นดั่งจอหนังใหญ่

ฉายภาพเดิมวนเวียนไปอยู่ต่อหน้า

สมองไม่รับรู้วันเวลา

ใจเปื้อนหยาดหยดน้ำตาอยู่ภายใน

ความเงียบคล้ายเพลงประกอบหนังเรื่องเก่า

ที่แสดงโดย “เรา” ยังจำได้

แต่ไร้เนื้อไร้ทำนองไร้หัวใจ

ย้ำเตือนให้จำวันที่เรามีกัน


วันที่ห้องยังมีเสียงคนหยอกล้อ

รอยยิ้มเสียงหัวเราะของคนร่วมฝัน

แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วแวววานวัน

ไม่มี “เรา” เหมือนวันนั้นให้อุ่นใจ

เหลือแต่รอยประตูที่ถูกเธอปิด

กับความเงียบสนิทที่ถูกทิ้งไว้

ได้ยินเพียงเสียงตัวเองหายใจ

ไม่รู้เวลาผ่าน...ไปเท่าไหร่ ไม่รู้เลย

นี่คือเสียงก้องคำรามของความเงียบ

ที่เย็นเฉียบ เชือดเฉือน เกินอยู่เฉย

คือเสียงกรีดร่ำร้องของความคุ้นเคย

ที่ไม่เหลืออีกเลยแม้เสี้ยวเดียว.














by
Panachit Kittipanya-ngam on Thursday, March 1, 2012 at 10:33pm